สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกอยู่ในวัยกำลังเข้าโรงเรียนคงหนีไม่พ้นการเลือกโรงเรียนให้เหมาะสมกับลูก ซึ่งเป็นเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่ให้ความสำคัญไม่แพ้เรื่องอื่นๆ เพราะโรงเรียนถือเป็นบ้านหลังที่สองของลูก เขาจะต้องใช้ชีวิตอยู่แทบทั้งวันและยังต้องมีการปรับตัวในการใช้ชีวิตร่วมกับเพื่อนๆ ทำให้การเลือกโรงเรียนก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคุณพ่อคุณแม่เลย

แล้วจะรู้ได้อย่างไร ว่าควรเลือกโรงเรียนแบบไหนให้เหมาะสมกับลูก เรามีเคล็ดลับมาให้คุณพ่อคุณแม่นำไปใช้ประโยชน์ในการเลือกโรงเรียนให้กับหนูๆ ที่บ้านกัน

1.เลือกให้เหมาะสมกับวัยของลูก
วัยของลูกแบ่งเป็น 2 ช่วงอายุด้วยกัน ช่วงแรกก็คือกลุ่มอายุก่อนเข้าวัยเรียนหรือวัยอนุบาล ช่วงที่สอง คือกลุ่มที่อยู่ในวัยเรียน ซึ่งหมายถึงเด็กที่เรียนชั้นประถมหนึ่งขึ้นไปนั่นเอง

2. เลือกจากคุณครูผู้สอน
คุณครูถือเป็นหัวใจสำคัญในการเรียนการสอนของเด็กๆ เพราะฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่อาจจะดูจากสัดส่วนของคุณครูของแต่ละโรงเรียนโดยครู 1 คนต่อเด็กกี่คน ในเด็กอายุประมาณ 2-3 ขวบ สัดส่วนของคุณครูหนึ่งคน ควรดูแลเด็ก 4-5 คน โดยขนาดกลุ่มไม่ควรเกิน 10 คน เด็กวัย 3-4 ขวบ ควรมีครู 1 คนต่อเด็ก 6-7 คนและเด็กในกลุ่มไม่ควรเกิน 14 คน จำนวนนี้ถือเป็นสัดส่วนที่เหมาะสมที่คุณพ่อคุณแม่สามารถนำไปเป็นตัวเลือกในการเลือกคุณครูได้ และยังสามารถพิจารณาในเรื่องทัศนคติของคุณครูที่มีต่อเด็กอีกด้วย

3. บรรยากาศภายในโรงเรียน
ในที่นี้หมายถึงสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการเรียนการสอนของเด็ก ทั้งเรื่องความปลอดภัย ความสะอาด รวมไปถึงสถานที่ที่อยู่ใกล้เคียงกับโรงเรียนว่ามีความเหมาะสมกับการเป็นโรงเรียนของลูกหรือไม่ เช่น มีคนทำความสะอาดโรงเรียนอยู่เป็นประจำ มี รปภ. คอยเฝ้าระวังความปลอดภัยหน้าโรงเรียนและในโรงเรียน ในส่วนของบริเวณสนามเด็กเล่นควรจะมีความนุ่มเหมาะสมต่อการรองรับหากเกิดการพลาดหกล้มระหว่างที่เด็ก เป็นต้น

4. มีหลักสูตรที่เหมาะสมต่อการเรียนการสอนของลูก
โรงเรียนในปัจจุบันนี้มีหลักสูตรมากมายให้คุณพ่อคุณแม่ได้เลือกสรร ซึ่งบางโรงเรียนก็จะมีความแตกต่างเรื่องของหลักสูตรของโรงเรียนที่เป็นของตัวเอง โดยเฉพาะบางโรงเรียนก็จะเน้นเสริมสร้างพัฒนาการมีกิจกรรม ทั้งเรื่องภาษาและสังคม บางโรงเรียนก็เน้นกิจกรรมให้เด็กๆ ทำเพื่อเสริมสร้างการอยู่ด้วยกันทางสังคมและปฏิสัมพันธ์มากกว่าทักษะทางวิชาการ แนวบูรณาการ ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณพ่อคุณแม่สนใจให้ลูกเรียนทางด้านไหน หรืออาจจะสังเกตความชื่นชอบและเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของลูกว่าเขาควรจะเหมาะสมกับโรงเรียนในหลักสูตรไหน

5. ค่าใช้จ่ายของแต่ละโรงเรียน
ถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างหนึ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรที่จะเป็นข้อที่พิจารณา เพราะแต่ละโรงเรียนมีค่าใช้จ่ายที่ไม่เท่ากัน ควรที่จะเลือกโรงเรียนที่เหมาะสมตามความสามารถที่เราพอจะทำได้ บางโรงเรียนก็มีค่าใช้จ่ายที่สูงมากเกินกว่าพ่อแม่บางคนที่จะจ่ายไหว อย่างงี้แล้วไม่ว่าโรงเรียนจะมีค่าเทอมแพงหรือถูก คุณพ่อคุณแม่ต้องพิจารณาให้ดี

6. ใกล้บ้านไว้ก่อนเป็นเรื่องดี
เพราะโรงเรียนที่ใกล้บ้านย่อมดีกว่าโรงเรียนที่ไกลกว่า กรณีเกิดเหตุฉุกเฉินหรือลูกไม่สบายคุณพ่อคุณแม่ก็สามารถไปดูแลเขาได้ตลอดเวลา รวมถึงเรื่องการตื่นนอนก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะหากบ้านอยู่ไกลเด็กๆ ก็ต้องรีบตื่นนอนแต่เช้า ทำให้ร่างกายอ่อนเพลียได้ ส่งผลต่อการเรียนของลูกอีกด้วย ไปรับไปส่งก็ง่ายสะดวกทั้งลูกสะดวกทั้งคุณพ่อคุณแม่นั่นเอง แถมประหยัดค่าน้ำมันได้เยอะ

7. ตัวตนของลูก
เด็กทุกคนไม่ได้เหมาะกับโรงเรียนทุกที่ คุณพ่อคุณแม่เองควรจะเป็นคุณที่ต้องคอยหมั่นสังเกตลักษณะของลูกทั้งจุดแข็ง จุดอ่อน ว่าเขามีวิธีการเรียนรู้แบบไหนและโรงเรียนอะไรที่จะบอกกับเขามากที่สุด เช่น หากส่งลูกไปเรียนโรงเรียนทางเลือก เขาก็จะได้เรียนรู้ผ่านการเล่นผ่านการสัมผัสธรรมชาติซึ่งแตกต่างจากเด็กที่เรียนโรงเรียนปกติ ที่เน้นวิชาการ ซึ่งหากมาเปรียบเทียบกันแล้ว เด็กที่เรียนโรงเรียนทางเลือกบางคนอาจจะด้อยกว่าทางด้านวิชาการ

เคล็ดลับนี้คุณพ่อคุณแม่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ ในการเลือกโรงเรียนให้กับลูกได้ตามความเหมาะสม เพื่อเป็นรากฐานให้เขาเติบโตมาเป็นตัวของตัวเองได้ดีที่สุด

 

ติดตามเรื่องราวดีๆ ได้ที่  prime-tone.com